หน้าเว็บ

Diary



^^ช่วงหนึ่ง.. ของกาลเวลา^^ 




                    หนึ่งช่วงเวลา ที่ผ่านปัจจุบัน ย่อมกลายเป็นอดีตในความจำแต่วันเวลา ช่วงหนึ่ง กลับดูคลายปัจจุบัน ตลอดเวลา มิกลายเป็นอดีต  ทั้งที่เข็มนาฬิกามิเคยหยุดนิ่งและลำแสงแห่งตะวันยังคงเคลื่อนคล้อย จวบจน เมื่อทุกอย่างสิ้นสูญ ช่วงเวลาหนึ่งก็จักกลายเป็นอดีต โดยพลัน การที่ได้รู้จักใครซักคน วันพรุ่งนี้ คน ๆ นั้น ก็ยังคงเป็นปัจจุบันในกาลที่ผ่านเลย  เหมือนไม่อาจมีสิ่งใด มาแปรผัน จุดต่าง ที่เปลี่ยนแปลงแห่งวัฎจักร กาลเวลา จากวัน ล่วงเดือน จากเดือนนานนับจบขัย ความสัมพันธ์ที่คงมั่น จุดยืน อดีตและปัจจุบัน ดูจะมิต่างกัน บนเส้นทางมิตรภาพ และความผูกพัน 
 เสียงเข็มวินาที ดังเคลื่อนดุจปลิดกาลเวลาทิ้งให้เหลือเพียงความว่างเปล่า  วันวานหลุดร่วง กลายเป็นอดีตที่เกลื่อนกราดในความทรงจำบ้างทับถม จนกลายเป็นตะกอนก้อน ประสบการณ์ นำพาคุณประโยชน์บ้างก็เป็นเพียง เศษเสี้ยว เรื่องราวในอดีต ที่ล่องลอยมิลืมเลือน 
...แต่ทุกสิ่งย่อมมีจุดสิ้นสุด... 
เมื่อนิทานเรื่องหนึ่ง เดินทางไกลมาถึงจุด เจ้าชายและเจ้าหญิงอาจมิได้ครองคู่กัน การพลัดพรากจากลา เป็นดั่งสายลมที่ปลายปากกา มิอาจเขียนแต่ง แต่มีอยู่จริง เรื่องราว ที่เคยเป็นปัจจุบัน กลับกลายเป็นอดีต ดั่งปิดปกหนังสือหน้าสุดท้าย ความทรงจำ และประสบการณ์ จึงจักดำรงหน้าที่ แห่งกาลอดีต ตลอดไป...



^^ห้องแห่งความทรงจำ^^



      ทุกคนคงมี ห้องๆ นึง ที่เก็บความทรงจำทุกอย่างของตัวเองเอาไว้ในนั้น หลายคน อาจจะ เปิดประตูมองเข้าไปในห้อง แล้วยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้มองเห็น สิ่งที่สวยงามที่เราเก็บเป็นความทรงจำดีๆไว้ข้างใน แล้วก้าวเดินต่อไปอย่างมีความสุข หรือบางคน เปิดประตูเดินออกมาและไม่เคยมองย้อนกลับ ที่ห้องนั้นอีก แม้จะมีความจำเป็นมากแค่ไหน ก็จะไม่หันกลับมามองอีกเลย และจะเดินก้าวต่อไปเพื่อเปิดประตูบานอื่น และทำสิ่งที่สวยงามร่วมกับเจ้าของบานประตูใหม่แห่งนั้น     ในขณะที่อีกหลายๆคน กำลังพยายามจะเปิดประตูห้องออกมา แต่ต้องใช้เวลาในการพยายามเปิดมันออกมามากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำได้ซักครั้ง เพราะเมื่อหันมองย้อนกลับไปในห้องนั้น ก็พบแต่สิ่งที่คิดว่ามีความสุขมากที่สุดแล้ว และก็ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่เราถึงจะเดินออกไปจากห้องนี้ได้ซักที อีกหลายต่อหลายคน อาจจะมีแต่ห้องที่ว่างเปล่า สีขาวบริสุทธิ์ ไม่เคยมีใครพยายามที่จะเปิดประตูเข้ามา หรือ คนในห้องนั้น พยายามที่จะเปิดประตูออกไป มองหาใครซักคนที่ผ่านมาและมาทำให้ ห้องนี้มีสีชมพู  

 เรา ครั้งนึงเคยอยู่ในห้องสีขาว ที่มีแต่ความสุข และไม่เคยหาทางที่จะเปิดประตู และทำให้ห้องของเรากลายเป็นสีชมพู แต่ ใครบางคน ก็ ก้าวเข้ามา พยายามที่จะเปิดประตูห้องให้ได้ แม้จะต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนก็ตาม เค้าพยายาม หา กุญแจที่ดีที่สุดมาเปิดประตูบานนี้ให้ได้ เค้า หา ทุกคำพูดที่ สวยงาม มาบอกที่หน้าประตู เสมอ และ เค้าก็คอย ส่งความรู้สึกผ่านเข้ามา จนทำให้ ประตูบานนั้น ค่อยๆละลายหายไปทีละน้อย ทีละน้อย และ ทำให้ เรา กับ เค้า ได้ วาดภาพและตกแต่งห้องเป็นสีชมพูไปพร้อมกันแต่แล้ว สีชมพูที่วาดภาพห้องนั้น ก็เริ่มหมด และ สีเก่าๆก็เริ่ม จางหายไปตามกาลเวลาของมัน และเค้า ก็ หยุดที่จะวาดรูป และ นั่งพัก ก่อนที่จะเดินตามหาจุดหมายของเค้า และก้าวเดินออกจากห้องของเราไปปล่อย เรา ให้พยายามที่จะระบายสีชมพูของห้องต่อไป แต่มันก็ทำต่อไปไม่ได้ เพราะสีชมพูที่จะใช้วาดห้องของเรา หมด ลงไป พร้อมกับเค้า แต่สีใหม่ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับที่ เค้า เดิน ออก จากห้องของเราไป คือ สี ดำ เรา ระบายสีดำไป โดยไม่รู้สึกตัว และ จม อยู่กับสีซีดๆเดิมของห้องเรา
และ เค้า ก็ เดินกลับ เข้ามาในห้องของเราใหม่ พร้อมทั้ง มาช่วยระบายสีดำ แล้วยิ่งทำให้มันเลอะเทอะ และ เข้ามาทำลายของมีค่าระหว่างให้มันแตกละเอียดไปเรื่อยๆและเรื่อยๆ เมื่อเค้าทำจนพอใจก็เดินออกจากห้องไป พร้อมกับปิดประตูลง และ ไม่เคยหันมองกลับมาที่ห้องเลอะๆนี่อีกเลย เรา พยายามที่จะตกแต่งห้องใหม่หลายครั้ง และ คอยมองออกไปเพื่อจะเห็นเค้าเดินผ่านมา แต่เค้าไม่เคยผ่านมา และ เหมือนไม่เคยมองเห็นห้องๆ เวลาผ่านไปแค่ไหน เราคอยแต่จะมองดูที่ผนังสีชมพูซีดๆ นั้น และคอยมองหาเค้า แต่ไม่มีเค้า สีของผนังก็เริ่มซีดไปเรื่อยๆ จนเรา อยากที่จะย้ายออกไปจากห้องนี้ และเดินไปหาเจ้าของประตู ที่เป็นของเรา แต่เมื่อเรา เปิดประตูออกไป และมองย้อนมาที่ห้องนี้อีกครั้ง เราก็ไม่สามารถที่จะทิ้งมันไปได้เพราะมันมีแต่ภาพที่เราสร้างขึ้นมาด้วยกัน แม้ว่ามันจะจางไปมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่ในภาพแห่งความสุขนั้น ก็มีรูปและรอยต่างๆที่เค้าฝากไว้ ในวันที่เค้าเดินออกจากห้องของเราไป
             ในที่สุด เราก็ได้ยินเสียงเค้าเดินผ่านมา เราเอาหูแนบริมประตูเมื่อได้ยินเสียงเค้า แต่กลับกลายเป็นเสียงเดิมๆของเค้า ที่ไป หยุดที่หน้าประตูอื่นและ เริ่มต้นที่จะเปิดประตูบานใหม่อีกครั้ง เราเปิดประตูออกไปที่จะพบเค้า กลับ พบ แต่เพียง ความเย็นชา และ มองไม่เห็นประตูบานนี้ ที่พยายามเปิดออกมาเพื่อพบเค้า เค้า ก็ ยัง คง พยายามที่จะเปิดประตูบานใหม่นั้น และ ไม่สนใจกับสิ่งรอบข้าง ว่าจะมีน้ำทีไหลออกมาจากห้องๆนี้ มา รายล้อมตัวเค้ามากแค่ไหน และเราก็เปนคนที่ต้องปิดประตูอีกครั้งและหลับตาลงพร้อมกับภาพเดิมๆที่ผ่านเข้ามาอีกครั้งนึง แต่ในวันนี้ เรา เดินออกมาจากห้องนั้น ประตู มันเริ่มเก่าไปตามเวลาของมัน ทำให้เราก้าวออกมาจากห้อง โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายที่จะเปิดมันออกมา เราก้าวออกมาพร้อมกับความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม แต่เรา คิดได้ว่า เรา หยุดพักในห้องของเรา มานานเกินไป และเรา ต้องเดินไปตามจุดหมายของเราบ้าง ถึงแม้เราจะต้องกลับมาพักในห้องเดิมๆของเรา แต่เราก็ คงมี เค้า อยู่กับเราตลอดเวลา แม้ว่าเค้า จะลืม เจ้าของห้องและประตูบานนี้ไปแล้วก็ตาม....




ความรัก กะ รองเท้า ที่ไม่พอดี



             วันหนึ่ง ...ฉันอยากได้รองเท้า ฉันเดินเข้าไปในร้านที่มีรองเท้าหลากสี-หลายแบบวางเรียงรายร้านแล้วร้านเล่า

แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้รองเท้าถูกใจกลับไปด้วยแม้แต่คู่เดียว
เลือกแล้วเลือกอีก.......จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้ากระจกร้านหรูแห่งหนึ่ง
รองเท้าส้นสูงสีส้มคู่นั้นสะท้อนเงาเฉิดฉายผ่านกระจกออกมาเตะตาฉันตั้งแต่แรกเห็น
มันช่างเป็นรองเท้าที่สวยจนอยากมีไว้ประดับคู่เท้าในทุกย่างก้าว
โดยไม่รอรี......ฉันเดินตรงลิ่วเข้าไปหามันแม้ป้ายราคาเล็ก-เล็กที่ติดเอาไว้จะบอกราคาที่ไม่เล็กนัก
แต่ฉันไม่ลังเลสักนิดเดียวที่จะจ่ายเงินจำนวนนั้นออกไปเพื่อให้ได้รองเท้าที่ถูกใจที่สุดในวันนี้
" แน่นนิดนึงนะคะ...มีคู่ใหม่ที่ใหญ่กว่านี้มั้ย "
ฉันถามพนักงานขายขณะที่กำลังพยายามสอดเท้าลงไปในรองเท้าคู่สวยให้พอดี
 แล้วพบว่ามันพอดิบ-พอดี จนขยับเท้าไม่ได้
" ไม่มีหรอกค่ะ....เรามีแบบละคู่เท่านั้น รับรองว่า ใส่แล้วไม่ซ้ำแบบใคร "
พนักงานขายเสนอข้อได้เปรียบในการซื้อสินค้า
" แต่ดิฉันว่าใส่แล้วก็พอดีนะคะ เผื่อมันยืดออกอีกนิดหน่อย"
เธอยังคงเสนอต่อเมื่อเห็นแววตาที่ฉันชื่นชมสินค้าของเธอ
- - เย็นวันนั้นฉันกลับบ้านด้วยรอยยิ้มกรุ่นพร้อมกับรองเท้าคู่สวยที่อยู่ในมือ - -
ฉันจัดแจงโยนรองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่ใส่มาแรมปีทิ้งไปอย่างไม่แยแส
วันรุ่งขึ้น .............ฉันออกเดินด้วยรองเท้าคู่ใหม่อย่างเฉิดฉาย
ยิ่งมีใครต่อใครชมว่ามันสวยนักหนาฉันก็ยิ่งปลื้มใจ
ทว่า...ไม่ทันข้ามวันรองเท้าเจ้ากรรมก็แผลงฤทธิ์จนฉันเดินโขยกเขยก
และเย็นวันนั้นฉันก็ต้องกลับมาบ้านพร้อมกับเท้าที่ระบม
หากชีวิตคนเราเป็นเหมือนการเดินทางไกล
ความรัก.......ก็คงเป็นเหมือน "รองเท้า"
แ ท้ ที่ จ ริ ง แ ล้ ว
ฉันว่าคนเราไม่ได้ต้องการ 'รองเท้าสวยมากไปกว่า
- - รองเท้าที่ใส่สบาย - -
แต่ก็นั่นแหละ ใคร-ใครก็ย่อมชอบรองเท้าสวย-สวยด้วยกันทั้งนั้น
ถึงไม่น่าแปลกที่หลายคนมักตัดสินใจซื้อรองเท้าเพราะว่า
'มันสวย ' มากกว่า 'มันพอดีกับเท้า'
และแม้มันจะใส่แล้วคับไปนิด...อึดอัดไปหน่อยก็ยังไม่วางมือ
เหตุเพราะว่า........มันสวยถูกใจ
หรือแม้มันจะราคาแพงลิบลิ่วก็ยังอยากเป็นเจ้าของให้ได้
- - - หากว่าเราต้องเดินทางอีกไกล - - -
แม้จะมีรองเท้าสวยหรู ราคาแพง ยี่ห้อแบรนด์เนมมันก็คงไม่มีประโยชน์
แม้จะสวยแค่ไหนแต่ถ้ามันทำเท้าเราเจ็บ...สุดท้ายก็คงต้องถอดมันออก
เพราะถ้าขืนเราเดินทั้งเท้าเจ็บ-เจ็บ เราคงไปไม่ถึงปลายหนทาง
ค ว า ม รั ก ก็ เ ช่ น กั นเราอาจใฝ่ฝันที่จะมีคนรักหล่อ สวย รวย เก่ง ฉลาด เลิศ หรู
..... แต่ความจริงแล้ว ....
เราเพียงต้องการคน-คนนั้นเพื่อให้ "ตัวเราดูดีขึ้นมา" เท่านั้นเอง
ฉันว่านะ....รองเท้าที่ใส่แล้วสบายไม่จำเป็นต้องสวยเด่นอะไร
เพราะฉะนั้น .....คนที่จะมาจับจูงมือเราไปตลอดทางของชีวิตก็ไม่จำเป็น
ต้องเป็นคนที่ดีเลิศที่สุดจนใครนึกอิจฉา
แต่คงเป็น... " คนที่เค้ารักเรา ดูแลเรา ดีต่อเราเข้าใจเราไม่ทำให้เราเจ็บ ไม่ทำให้เสียใจ ซะมากกว่า "
บางที...การใส่รองเท้าที่เดินแล้วสบายมันอาจทำให้เรามีความสุขมากกว่า
เพราะฉันเชื่อว่ามันจะพาเราไปจนถึงจุดหมาย
โดยที่เราไม่ต้องเจ็บเท้าและนึกอยากจะโยนมันทิ้งไปให้รู้แล้วรู้รอด....